บริการ IT Outsource คือ บริการดูแลระบบคอมพิวเตอร์และไอทีครบวงจร ทั้งการวางแผน จัดการ และดำเนินการด้าน IT ให้กับองค์กรโดยบริษัทไอทีภายนอก เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับองค์กรที่ไม่มีไอทีประจำ ต้องการลดต้นทุนค่าจ้างไอทีประจำ รวมถึงกลุ่ม SME/Startup ที่มีงบประมาณด้านไอทีจำกัด

บริษัท IT Outsource ส่วนใหญ่จะให้บริการระบบคอมพิวเตอร์และไอทีครบวงจร ดังนี้

• Computer Maintenance ดูแลตรวจสอบเครื่องคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก และโปรแกรมต่างๆ ให้ใช้งานได้ตามปกติ
• Network Maintenance ดูแลตรวจสอบการเชื่อมต่อ การทำงานของระบบเน็ตเวิร์กและอินเทอร์เน็ต ให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ
• Security Check ดูแลตรวจสอบ ป้องกันความเสี่ยง และภัยคุกคาม ที่มีผลต่อระบบรักษาความปลอดภัยทางด้านคอมพิวเตอร์และไอที
• Trouble shooting แก้ไขปัญหาคอมพิวเตอร์ และเน็ตเวิร์ก ผ่านทาง Remote & Call และ On-Site Service
• Server Maintenance ดูแลตรวจสอบการทำงานของเครื่องเซิร์ฟเวอร์ การใช้งานโปรแกรม และกำหนดสิทธิ์ต่างๆ
• Accessory Maintenance ดูแลตรวจสอบอุปกรณ์ต่อพ่วงและการเชื่อมต่อ ให้ใช้งานได้ตามปกติ เช่น ปรินเตอร์ UPS
• Illegal Software Check ดูแลตรวจสอบ ป้องกันการใช้โปรแกรมผิดลิขสิทธิ์ รวมถึงการเข้าเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมและผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์
• IT Consultation ให้คำปรึกษาทางด้านไอที โดยทีมวิศวกรคอมพิวเตอร์และเน็ตเวิร์กมืออาชีพ ที่มีประสบการณ์ยาวนาน

หากองค์กรขาดทั้งทรัพยากรและความเชี่ยวชาญในด้าน IT การใช้บริการ IT Outsource จะช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน นอกจากนี้ยังสามารถทำให้องค์กรมีความยืดหยุ่นและความรวดเร็วในการตัดสินใจขึ้นได้

ราคาค่าบริการ IT Outsource ขึ้นอยู่กับปริมาณงาน ระดับความซับซ้อน และระยะเวลาของโครงการ การคิดราคาสามารถเป็นรายเดือน รายโครงการ หรือตามชั่วโมงการทำงานได้ และหากเทียบกับราคาค่าจ้างพนักงานไอทีประจำต่อเดือนแล้ว ในส่วนของบริการ IT Outsource ส่วนใหญ่จะมีราคาถูกกว่า เพราะทุกอย่างที่เกี่ยวกับบริการจะถูกคิดรวมในแพ็กเกจราคาที่เสนอแล้ว

การเลือกบริษัท IT Outsource ควรพิจารณาถึงความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ ราคา และความน่าเชื่อถือของบริษัท รวมถึงการตรวจสอบข้อมูลและอ้างอิงจากลูกค้าที่เคยใช้บริการก่อนหน้านั้นด้วย

ควรระวังเรื่องของความปลอดภัยข้อมูล รีวิวและตรวจสอบประวัติของบริษัท รวมถึงการสื่อสารระหว่างองค์กรและผู้ให้บริการ

บริษัท IT Outsource จะมีมาตรการความปลอดภัยที่เข้มงวดเพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อให้มั่นใจว่าองค์กรของคุณจะได้รับการดูแลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลที่ดีมากพอ มีมาตรฐาน และถูกต้องตามกฎหมาย ควรทำสัญญาที่ระบุถึงเรื่องความปลอดภัยและความถูกต้องของข้อมูลให้ชัดเจน

หากคุณต้องการความเชี่ยวชาญทางด้าน IT แต่ไม่มีทีมงานหรือทรัพยากรภายใน หรือต้องการที่จะลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน รวมถึงการสร้างภาพลักษณ์และยกระดับองค์กรให้มีความน่าเชื่อถือ การใช้บริการ IT Outsource เพื่อปิดทุกปัญหาไอทีอาจเป็น Option ที่ตอบโจทย์

บริการ IT Outsource มีประโยชน์มากมายสำหรับธุรกิจ SME/Startup ดังนี้

• ช่วยลดต้นทุนด้าน IT ธุรกิจ SME/Startup มักมีงบประมาณจำกัด ดังนั้นการใช้บริการ IT Outsource จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้าน IT เช่น ค่าจ้างพนักงานไอที ค่าบำรุงรักษาอุปกรณ์ไอที ค่าอัปเดตซอฟต์แวร์
• เพิ่มความยืดหยุ่นในการรับมือกับปัญหา IT ธุรกิจ SME/Startup อาจไม่มีเวลาหรือทรัพยากรเพียงพอในการรับมือกับปัญหา IT ที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา การใช้บริการ IT Outsource จะช่วยให้ธุรกิจสามารถรับมือกับปัญหา IT ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
• ช่วยให้ธุรกิจมีเวลาและทรัพยากรไปมุ่งเน้นในธุรกิจหลัก ธุรกิจ SME/Startup มักต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาธุรกิจหลัก ดังนั้นการใช้บริการ IT Outsource จะช่วยให้ธุรกิจสามารถปลดปล่อยเวลาและทรัพยากรไปมุ่งเน้นในธุรกิจหลักได้อย่างเต็มที่
• เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบ IT โดยผู้ให้บริการ IT Outsource มักมีผู้เชี่ยวชาญด้าน IT ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญสูง ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบ IT ได้
• ช่วยธุรกิจ SME/Startup ก้าวทันเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

สาเหตุที่คอมพิวเตอร์เปิดไม่ติดอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น แบตเตอรี่เสื่อมสภาพ เมนบอร์ดเสีย พัดลมระบายความร้อนทำงานผิดปกติ สายไฟหรือเต้ารับเสีย วิธีแก้ไขเบื้องต้น ทำได้ดังนี้

• ตรวจสอบสายไฟและแบตเตอรี่ว่าเสียหรือไม่
• ถอดปลั๊กออกและเสียบกลับเข้าไปใหม่
• กดปุ่มเปิดปิดค้างไว้ประมาณ 10 วินาที

สาเหตุที่คอมพิวเตอร์ค้างอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น คอมพิวเตอร์ทำงานหนักเกินไป ติดตั้งโปรแกรมที่มีไวรัสปนเปื้อน ไฟล์ระบบเสียหาย ฮาร์ดแวร์ทำงานผิดปกติ วิธีแก้ไขเบื้องต้น ทำได้ดังนี้

• รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์
• ลองปิดโปรแกรมที่ไม่ได้ใช้งาน
• ลบไฟล์ขยะ
• ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัส

สาเหตุที่คอมพิวเตอร์ช้าอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น คอมพิวเตอร์มีไฟล์ขยะหรือโปรแกรมที่ทำงานอยู่มากเกินไป คอมพิวเตอร์ไม่ได้รับการอัปเดต ฮาร์ดแวร์ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน วิธีแก้ไขเบื้องต้น ทำได้ดังนี้

• ลบไฟล์ขยะ
• ปิดโปรแกรมที่ไม่ได้ใช้งาน
• อัปเดตซอฟต์แวร์
• เพิ่มหน่วยความจำ
• เปลี่ยนฮาร์ดไดรฟ์เป็น SSD

ไวรัสคอมพิวเตอร์เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบมาเพื่อทำลายข้อมูลหรือทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานผิดปกติ ไวรัสสามารถแพร่กระจายได้ผ่านการดาวน์โหลดไฟล์จากแหล่งที่ไม่รู้จัก การคลิกลิงก์จากอีเมลหรือเว็บไซต์ที่น่าสงสัย การเปิดอีเมลขยะ หรือการดาวน์โหลดและเปิดไฟล์แนบจากแหล่งที่ไม่รู้จัก วิธีป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์ ทำได้ดังนี้

• ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสและอัปเดตซอฟต์แวร์อยู่เสมอ
• ไม่ดาวน์โหลดไฟล์จากแหล่งที่ไม่รู้จัก
• ไม่เปิดอีเมลขยะหรือไฟล์แนบจากบุคคลที่ไม่รู้จัก
• ไม่คลิกลิงก์จากอีเมลหรือเว็บไซต์ที่น่าสงสัย
• ไม่แชร์ไฟล์กับผู้อื่นที่ไม่รู้จัก

แป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์เสียอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น การกดใช้งานหนักเกินไป น้ำหกใส่ หรือแป้นพิมพ์สกปรก วิธีแก้ไขเบื้องต้น คือ ทำความสะอาดแป้นพิมพ์ หากยังไม่หายต้องเปลี่ยนแป้นพิมพ์ใหม่

หน้าจอขึ้นข้อความ “No Signal” อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น สัญญาณจากคอมพิวเตอร์ไม่มาถึงจอภาพ จอภาพเสีย การเชื่อมต่อจอภาพไม่ถูกต้อง วิธีแก้ไขเบื้องต้น ทำได้ดังนี้

• ตรวจสอบสายเคเบิลเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์กับจอภาพว่าเสียหรือไม่
• เปลี่ยนสายเคเบิลเชื่อมต่อ
• เชื่อมต่อจอภาพกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น

ปัญหาการใช้งาน Wi-Fi ที่ใช้งานไม่ได้ อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ลืมรหัสผ่าน Wi-Fi เครือข่าย Wi-Fi ปิดใช้งาน ปัญหาสัญญาณ Wi-Fi วิธีแก้ไขเบื้องต้น ทำได้ดังนี้

• ตรวจสอบรหัสผ่าน Wi-Fi อีกครั้ง
• เปิดใช้งานเครือข่าย Wi-Fi
• ย้ายคอมพิวเตอร์เข้าใกล้เราเตอร์ Wi-Fi
• ติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตหากปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข

อินเทอร์เน็ตช้าอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ความเร็วอินเทอร์เน็ตไม่เพียงพอ ปัญหาสัญญาณอินเทอร์เน็ต ปัญหากับอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ปัญหากับเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่ใช้งาน สามารถแก้ไขเบื้องต้นได้ ดังนี้

• ตรวจสอบความเร็วอินเทอร์เน็ต
• ปิดโปรแกรมที่ไม่ใช้งาน
• ตรวจสอบผู้เข้าใช้งานว่าเป็นบุคคลที่ได้รับอนุญาต หรือมีผู้อื่นขโมยใช้งานอินเทอร์เน็ต
• ติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตหากปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข

การอัปเดต Windows แล้วพบปัญหาอาจเกิดจากสาเหตุไฟล์อัปเดตเสียหาย ข้อผิดพลาดในการอัปเดต ความไม่เข้ากันของ Driver ซอฟต์แวร์ Antivirus ขัดขวาง พื้นที่ Disk ไม่เพียงพอ สามารถแก้ไขเบื้องต้นได้ ดังนี้

• ใช้ Windows Update Troubleshooter เครื่องมือฟรีจาก Microsoft สำหรับแก้ปัญหาอัปเดต
• รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ ปัญหาบางอย่างอาจหายไปหลังจากรีสตาร์ทเครื่อง
• ถอยกลับเวอร์ชัน Windows เดิม หากมีปัญหาหลังจากอัปเดตใช้ตัวเลือกในการตั้งค่าเพื่อย้อนกลับ
• ตรวจสอบ Driver และซอฟต์แวร์ Antivirus อัปเดตหรือปิดซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส และอัปเดต Driver ที่เกี่ยวข้อง
• เคลียร์พื้นที่ Disk ลบไฟล์ที่ไม่จำเป็นออกเพื่อให้มีพื้นที่สำหรับอัปเดต
• หากปัญหายังคงอยู่ ขอคำแนะนำจากฝ่ายสนับสนุนของ Microsoft หรือรับบริการ IT Outsource