e-Tax Invoice & e-Receipt VS e-Tax Invoice by e-mail ต่างกันอย่างไร ธุรกิจคุณต้องใช้แบบไหน?

e-Tax Invoice & e-Receipt

[ตัวแบ่ง]

ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax invoice) กลายเป็นทางเลือกที่ผู้ประกอบการนิยมใช้มากขึ้น ด้วยข้อดีหลายๆ อย่าง เช่น สะดวก รวดเร็ว ถูกต้องตามกฎหมาย ประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ระบบนี้มีให้ใช้งาน 2 แบบ คือ e-Tax Invoice & e-Receipt กับ e-Tax Invoice by e-mail ดังนั้นก่อนตัดสินใจเลือกว่าจะใช้งานระบบไหน ผู้ประกอบการต้องพิจารณารายละเอียดของแต่ละแบบ เพื่อให้สามารถเลือกใช้ได้เหมาะสมกับธุรกิจมากที่สุด

 

สรุปประเด็นเนื้อหา

ระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt กับe-Tax Invoice by e-mail ต่างกันอย่างไร?

ตารางสรุปความแตกต่างระหว่างระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt กับe-Tax Invoice by e-mail

ธุรกิจคุณควรเลือกใช้ระบบ e-Tax invoice แบบไหนดี?

สรุปการเลือกใช้งานระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt กับ e-Tax Invoice by e-mail สำหรับเจ้าของธุรกิจ

 

ระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt กับe-Tax Invoice by e-mail ต่างกันอย่างไร?

ในปัจจุบัน ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax invoice) และใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะมีความสะดวกและรวดเร็วกว่าใบกำกับภาษีแบบกระดาษ อีกทั้งยังมีความปลอดภัยและสามารถตรวจสอบได้ สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ จะต้องเลือกระบบที่เหมาะกับธุรกิจของตน ซึ่งในปัจจุบันมี 2 ระบบ คือ

 

1. ระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt

เป็นระบบบริการด้านภาษี ที่กรมสรรพากรพัฒนาขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ประกอบการภาคต่างๆ ได้จัดทำใบกำกับภาษี ใบเพิ่มหนี้ ใบลดหนี้ และใบเสร็จรับเงินในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีการลงลายมือชื่อดิจิทัล (Digital Signature) แล้วส่งมอบให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการด้วยวิธีการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ตามวิธีที่ตกลงกัน นอกจากนี้ผู้ประกอบการยังมีหน้าที่ที่จะต้องนำส่งข้อมูลดังกล่าวให้กับกรมสรรพากรผ่านช่องทางที่กรมสรรพากรกำหนดไว้ด้วย

 

2. ระบบ e-Tax Invoice by e-mail

เป็นบริการที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ กรมสรรพากร สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (สพร.) โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้ประกอบการเกิดความคุ้นเคยและเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างเต็มรูปแบบ

ซึ่งสำหรับผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่มีรายได้ไม่เกิน 30 ล้านบาท/ปี ที่ต้องจัดทำใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ สามารถแนบไฟล์ PDF/A3 ส่งผ่าน e-mail ให้แก่ผู้ซื้อ และสำเนาให้ระบบ e-Tax Invoice by e-mail เพื่อประทับรับรองเวลา (Time Stamp) และระบบจะส่งไฟล์ข้อมูลที่ประทับรับรองเวลาแล้วให้กับผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการและผู้ออกใบกำกับภาษีเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการทำธุรกรรม

 

ตารางสรุปความแตกต่างระหว่างระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt กับ e-Tax Invoice by e-mail

สำหรับการจัดการภาษีในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ผู้ประกอบการสามารถเลือกใช้งานระบบ e-Tax Invoice ได้เพียงระบบใดระบบหนึ่งเท่านั้น

ที่มาภาพจาก : คำแนะนำ/คู่มือการใช้งาน : OVERVIEW ภาพรวม การจัดทำและนำส่งข้อมูลใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ กรมสรรพากร 

 

ธุรกิจคุณควรเลือกใช้ระบบ e-Tax invoice แบบไหนดี?

ระบบ e-Tax invoice ที่มีให้เลือกใช้งานนั้น มี 2 แบบ ตามรายละเอียดข้างต้น คือ e-Tax Invoice & e-Receipt กับ e-Tax Invoice by e-mail แต่จะเลือกใช้แบบไหนให้เหมาะกับธุรกิจนั้น ผู้ประกอบการควรพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้

  • ข้อจำกัดด้านรายได้ หากธุรกิจมีรายได้ไม่เกิน 30 ล้านบาท/ปี สามารถใช้ระบบ e-Tax Invoice by e-mail ได้
  • รูปแบบการทำงาน หากธุรกิจต้องการความสะดวกและรวดเร็วในการใช้งาน ควรเลือกใช้ระบบ e-Tax Invoice by e-mail แต่หากธุรกิจต้องการระบบอัตโนมัติที่รองรับการออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมาก ควรเลือกใช้ระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt
  • ช่องทางการส่งมอบ หากธุรกิจต้องการส่งมอบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ให้ลูกค้าหลายช่องทาง ควรเลือกใช้ระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt แต่หากธุรกิจต้องการส่งมอบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ให้ลูกค้าทางอีเมลเท่านั้น ควรเลือกใช้ระบบ e-Tax Invoice by e-mail
  • ต้นทุน หากธุรกิจต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย ควรเลือกใช้ระบบ e-Tax Invoice by e-mail แต่หากธุรกิจต้องการระบบที่มีประสิทธิภาพสูง ควรเลือกใช้ระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt

 

สรุปการเลือกใช้งานระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt กับ e-Tax Invoice by e-mail สำหรับเจ้าของธุรกิจ

  • สำหรับผู้ประกอบการที่มีรายได้ไม่เกิน 30 ล้านบาท/ปี และต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย สามารถใช้ระบบ e-Tax Invoice by e-mail ได้ โดยระบบนี้มีข้อดีคือสะดวก รวดเร็ว และประหยัดค่าใช้จ่าย แต่มีข้อจำกัดคือไม่สามารถส่งมอบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ให้ลูกค้าที่ไม่มีอีเมลได้
  • สำหรับผู้ประกอบการที่มีรายได้เกิน 30 ล้านบาท/ปี หรือต้องการระบบที่มีประสิทธิภาพสูง ควรเลือกใช้ระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt โดยระบบนี้มีข้อดีคือสะดวก รวดเร็ว มีความปลอดภัยสูง และสามารถส่งมอบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ให้ลูกค้าได้หลายช่องทาง

 

ผู้ประกอบการควรศึกษาข้อมูลและเปรียบเทียบระบบ e-Tax invoice ทั้งสองระบบอย่างละเอียด เพื่อให้สามารถเลือกระบบที่เหมาะสมกับธุรกิจของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt เป็นระบบที่มีประโยชน์สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ เป็นอย่างมาก โดยช่วยลดขั้นตอนและค่าใช้จ่ายในการจัดทำและนำส่งใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ ผู้ประกอบการที่สนใจใช้งานระบบดังกล่าวสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ กรมสรรพากร 

ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ

บริษัท ดีไอทีซี จำกัด ในเครือ บริษัท ธรรมนิติ จำกัด (มหาชน)

ผู้ให้บริการด้านระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt อย่างครบวงจร

โทรศัพท์ : 0 2555 0999

LINE : @ditc หรือคลิก https://lin.ee/gztVQxB 

Inbox FB : https://m.me/dharmnitiditc 

เว็บไซต์ :   www.ditc.co.th