ยุคนี้ต้องเซฟ ไม่ว่าจะเซฟงบประมาณองค์กร หรือเซฟเรื่องสุขภาพของคนทำงาน โดยออฟฟิศส่วนใหญ่หันมาปรับใช้การทำงานแบบ Work from Home (WFH) ซึ่งแน่นอนว่าหากจะให้งานไหลลื่นย่อมต้องมีโซลูชั่นที่สามารถซัปพอร์ตทุกขั้นตอน รวมทั้งยังต้องมีตัวช่วยเพื่อป้องกันข้อมูลองค์กรรั่วไหล หรือข้อมูลเสียหาย และปัญหาเหล่านี้มักเกิดขึ้นกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไม่ได้ถูกติดตั้งโปรแกรมป้องกันที่ดีพอ โดยเฉพาะความเสียหายจากไวรัสรูปแบบต่างๆ ดังนั้นเพื่อป้องกันการโจมตีจากไวรัส เรามาทำความรู้จักโปรแกรมจัดการไวรัสแต่ละแบบ แล้วเลือกติดตั้งลงคอมพิวเตอร์ไว้ก่อน เพื่อป้องกันภัยและความเสียหายที่คาดไม่ถึงทั้งในช่วงเข้าออฟฟิศหรือ WFH
7 โปรแกรมจัดการไวรัสช่วง Work from Home
1. McAfee
ถือเป็นหนึ่งในโปรแกรมสแกนไวรัสที่สามารถติดตั้งและใช้งานได้กับทุกระบบปฏิบัติการ ไม่ว่าจะเป็น Window, MacOS, Android และ iOS โดยโปรแกรมนี้มีความโดดเด่นที่ศักยภาพในการจัดการกับ Ransomware ที่อาจช่วงชิงข้อมูลสำคัญๆ ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของชาวออฟฟิศเพื่อเรียกค่าไถ่ นอกจากนี้ McAfee ยังมี PC Boost ที่จะคอยช่วยเหลือการทำงานของคอมพิวเตอร์ ทั้งยังช่วยไม่ให้เครื่องของคุณโดนเล่นงานจากไวรัสแปลกปลอมต่างๆ จึงถือเป็นโปรแกรมสแกนไวรัสที่มีประสิทธิภาพสูง
2. Kaspersky Security Cloud Free
โปรแกรมจัดการไวรัสที่รวมไว้ซึ่งระบบป้องกันและเทคโนโลยีที่ทันสมัยไว้ด้วยกัน ทั้งยังรองรับทั้งการใช้สแกนและลบพวกมัลแวร์ต่างๆ ทำให้สามารถจัดการได้ทั้งมัลแวร์ เวิร์ม และโทรจัน โดยตัวโปรแกรมสามารถติดตั้งได้ง่าย และใช้งานได้สะดวก Kaspersky Security Cloud Free จะมีระบบการตรวจจับแบบ Real Time ทำให้เมื่อมีการรีโมทเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ของชาวออฟฟิศโดยไม่ผ่านการอนุญาต เจ้าโปรแกรมนี้จะจัดการระงับการเข้าถึงทันที
3. Avira
Avira หรือที่รู้จักกันในนามของโปรแกรมแอนตี้ไวรัสร่มแดง ซึ่งถือเป็นโปรแกรมแอนตี้ไวรัสยอดนิยม และครองใจชาวออฟฟิศหลายๆ คน ด้วยเป็นโปรแกรมที่สามารถใช้งานได้ง่าย สามารถปกป้องคอมพิวเตอร์ได้อย่างดี จุดเด่นของ Avira อยู่ที่การมีระบบกำหนดเวลาสแกนล่วงหน้าที่ผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าได้ง่าย เลือกได้ทั้งการสแกนอย่างรวดเร็วในทุกๆ วัน และสแกนอย่างละเอียดสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ทั้งยังทำหน้าที่คอยเฝ้าระวังและปกป้องเครื่องของคุณแบบ Real Time รวมทั้งยังมีฟีเจอร์เสริมต่างๆ ที่ช่วยทำให้การทำงานนั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
4. ESET NOD32
ESET NOD32 มีระบบการทำงานที่รวดเร็ว ติดตั้งง่าย ไม่มียุ่งยาก สามารถสแกนไวรัสได้ลึกไม่ว่าจะซ่อนหรือแฝงตัวอยู่ตรงไหนก็สามารถจัดการได้ ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของโปรแกรมนี้เลยทีเดียว โปรแกรมนี้ถือเป็นหนึ่งในแอนตี้ไวรัสที่มีขนาดเบาและดีที่สุด มีกลไก Internet Security ซึ่งคอยช่วยในการป้องกันการโจมตีของมัลแวร์และ Ransomware ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5. AVG Antivirus
โปรแกรมสแกนไวรัสที่สามารถใช้งานได้ดี ด้วยจุดเด่นที่ไม่หนักเครื่องแต่มาพร้อมการป้องกันอันหลากหลายรูปแบบ ทั้งการสแกนไวรัสบนวินโดว์ อุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ เว็บเบราว์เซอร์ และอีเมล ถือเป็นโปรแกรม anti-virus ที่น่าทำความรู้จักและหามาติดตั้งในเครื่อง
6. Avast
โปรแกรมสแกนไวรัสที่ได้รับความนิยมด้วยระบบการป้องกันที่ครบถ้วนทั้งบนวินโดว์และเบราว์เซอร์ รวมถึงการจัดการพาสเวิร์ดต่างๆ โดยจุดเด่นของ Avast คือการใช้พื้นที่ในเครื่องสำหรับการทำงานน้อย ทำให้การสแกนระหว่างใช้งานเครื่องนั้นไม่ส่งผลกระทบหรือรบกวนจนทำให้รู้สึกเครื่องอืดหรือช้า นอกจากนี้ตัวโปรแกรมยังติดตั้งได้ง่ายและใช้งานได้อย่างสะดวกอีกด้วย
7. Bitdefender Antivirus
โปรแกรมจัดการไวรัสคอมพิวเตอร์ที่มีคุณสมบัติเด่นอย่างการตรวจจับมัลแวร์ โดยหน้าตาของโปรแกรมนั้นจะมีความเรียบง่าย เครื่องมือใช้งานไม่ยุ่งยาก และใช้พื้นที่ในเครื่องน้อยไม่หนักเครื่อง ด้วยหน้าตาที่เรียบง่ายของเจ้า Bitdefender Antivirus ที่มาพร้อมกับการปกป้องขั้นพื้นฐานที่ครบถ้วนนั้นช่วยให้ใช้งานได้ง่าย และสแกนได้อย่างรวดเร็ว ที่สำคัญไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของระบบและการใช้งานเครื่อง เพราะไวรัสคอมพิวเตอร์คือภัยร้ายที่อาจแฝงเข้ามาในเครื่องของคุณเมื่อไรก็ได้ และส่วนใหญ่เข้ามาแบบที่คุณไม่รู้ตัวและไม่ตั้งใจ โดยเฉพาะในช่วงที่ชาวออฟฟิศต้อง Work from Home และอยู่ห่างไกลจากเจ้าหน้าที่ไอที การมีตัวช่วยที่คอยป้องกันและเฝ้าระวังเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ และข้อมูลสำคัญๆ ต่างๆ ให้ปลอดภัยอยู่เสมอจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
ประสบการณ์มากกว่า 10 ปี สมัครใช้บริการวันนี้ เริ่มต้นเพียงเดือนละ 7,500 บาท* พร้อมรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 10% สอบถามเพิ่มเติม โทร. 02-555-0999LINE : @ditc หรือ https://page.line.me/ditcInbox FB : https://m.me/dharmnitiditcดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.ditc.co.th
อัจฉริยะ คำพันยิ้มผู้เชี่ยวชาญด้านระบบคอมพิวเตอร์ประสบการณ์มากกว่า 10 ปี